ตำแหน่งสิวบนใบหน้า บอกโรคได้จริงหรือ

สิวบนใบหน้านอกจากสิ่งสกปรก ยังเกิดจากฮอร์โมนความเครียด เเละสามารถบอกโรคในร่างกายเราได้จริงหรือไม่ ( acne ) 

ปัญหาสิวบนใบหน้า

อย่าละเลยตำแหน่งจุดเกิดสิว ไม่ใช่แค่ปัญหาจิ๋วๆที่ทุกคนควรมองข้าม เพราะนี่คือสัญญาณเตือนจากร่างกายที่ว่าภายในกำลังมีปัญหาอะไรอยู่หรือเปล่า โดยเฉพาะคุณผู้หญิง

สิวเกิดจากอะไร?

สิว เป็นภาวะการอักเสบจากการอุดตันของผิวหนังบริเวณรูขุมขน รวมถึงการอุดตันของระบบต่อมไขมันภายในรูขุมขน ซึ่งส่วนใหญ่มักพบ เป็นลักษณะของตุ่มเม็ดเล็กๆที่มีไตสีขาวอยู่ข้างใน หากมีสิ่งเร้าเป็นตัวกระตุ้น เช่น แบคทีเรีย ก็อาจส่งผลให้เกิดการอักเสบบวมแดง ที่ขยายใหญ่หรือมีตุ่มหนองจากไขมันร่วมด้วยนั่นเอง

สิว เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

สิว นั้นมีสาเหตุเกิดมาจากปัจจัยภายในร่างกาย 4 ปัจจัยหลัก ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดวงจรการเกิดสิวต่อเนื่องและรุนแรงได้

  1. การอุดตันของรูขุมขน โดยเกิดจากเซลล์หนังกำพร้าชั้นนอกสุด มีการหนาตัวขึ้นผิดปกติ ร่วมกับเกิดความผิดปกติของกระบวนการผลัดเซลล์ผิว ทำให้เกิดการอุดตันบริเวณรูขุมขน จนทำให้เกิดการสร้างสิวอุดตันขนาดเล็กขึ้น
  2. ความผิดปกติของต่อมไขมัน โดยปกติแล้วต่อมไขมันจะผลิตไขมันหล่อเลี้ยงบริเวณผิวหนังโดยมีปริมาณและส่วนประกอบของไขมันที่เหมาะสม แต่ในผู้ป่วยที่เป็นสิวจะเกิดความผิดปกติของส่วนประกอบของไขมันบริเวณผิวหนัง ร่วมกับมีการสะสมของไขมันบริเวณรูขุมขนที่เกิดการอุดตันเพิ่มมากขึ้น
  3. เชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นเชื้อที่เจริญและอาศัยอยู่บริเวณรูขุมขน ในผู้ป่วยที่เป็นสิวมีการสะสมของเซลล์ผิวหนังและไขมันบริเวณรูขุมขนที่อุดตันมากขึ้น ส่งผลให้มีแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะสมกับการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียในบริเวณรูขุมขนที่มีการอุดตัน ทำให้เกิดสิวขึ้นในที่สุด
  4. การอักเสบบริเวณรูขุมขน ผู้ป่วยสิวที่มีการสะสมของเซลล์ผิวหนัง ไขมัน และเชื้อแบคทีเรีย บริเวณรูขุมขน มากขึ้นจนทำให้เกิดสิวอุดตันเริ่มมีการขยายตัวใหญ่มากขึ้นจนทำให้แตกออกสู่ผิวหนังบริเวณข้างเคียง และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้น ทำให้มองเห็นจากภายนอกเป็นสิวอักเสบที่มีอาการปวด บวม และกดเจ็บ

สาเหตุและปัจจัยของการเกิดสิว

  1. ฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น โดยเฉพาะฮอร์โมนแอนโดรเจนในเพศชาย โดยฮอร์โมนนี้จะกระตุ้นทำให้ต่อมไขมันใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันมากขึ้น เมื่อไขมันที่ถูกผลิตออกมาทางผิวหนังผสมกับแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกภายนอกผิวหนังก็จะทำให้เกิดการอุดตัน เกิดเป็นสิวฮอร์โมน สิวอักเสบ เป็นตุ่มแดง นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในสตรีตั้งครรภ์ ช่วงมีประจำเดือน หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน 
  2. กรรมพันธุ์ พบว่าหากคนในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ เคยเป็นสิวมากในช่วงวัยรุ่น อาจส่งผลให้ลูกมีสิวมากในช่วงวัยรุ่น
  3. อาหาร อาหารบางชนิด เช่น อาหารทอด อาหารมัน ช็อกโกแลต นม และอาหารที่มีน้ำตาลสูงอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสิวในบางรายได้ ทั้งนี้ควรหมั่นสังเกตตัวเอง
  4. เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่เราใช้ ไม่ว่าจะใช้บริเวณใบหน้าหรือลำตัวอาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง มีสีหรือน้ำหอม หรือแม้กระทั่งยาสระผม ก็สามารถทำให้เกิดสิวได้
  5. ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น
  6. การใช้ยาบางชนิด เช่น  สเตียรอยด์ ก็ทำให้เกิดสิวได้
  7. การทำความสะอาดใบหน้าเเบบไม่ถูกวิธี ล้างหน้าไม่สะอาด ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้
รักษาสิวด้วยการเลเซอร์ 

สิวเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ทั้งการล้างหน้า ฮอร์โมน สิ่งแวดล้อม และสิวที่ขึ้นตามตำแหน่งต่าง ๆ นั้นก็สามารถบ่งบอกถึงปัญหาภายในของร่างกายได้อีกด้วย มาดูกันเลยว่ามีปัญหาอะไรบ้าง 

ตำแหน่งสิวสามารถบอกโรคได้จริงหรือ

สิวที่หน้าผาก 

ระบบย่อยอาหารมีปัญหา กินอาหารไม่เหมาะสม พักผ่อนไม่เพียงพอ ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ถ้าระบบการทำงานอวัยวะต่างๆ เหล่านี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจทำให้สิวขึ้นบนหน้าผากของเราได้

สิวที่คิ้ว
ระบบภูมิคุ้มกันลดน้อยลงจากการทานอาหารที่มีไขมันมาก รสจัดมาก ดื่มแอลกอฮอล์หนัก สิวที่ขึ้นตรงนี้จะเตือนว่าระบบการทำงานของตับเราทำงานได้ไม่ปกติ รวมไปถึงการกินอาหารมื้อดึกบ่อย ๆ จะทำให้เกิดสิวตรงบริเวณนี้ได้
สิวที่แก้ม 
สิวบริเวณนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือแก้มส่วนบนกับแก้มส่วนล่าง ถ้าสิวขึ้นที่แก้มส่วนบนแสดงว่าระบบไซนัส และปอดของสาว ๆ อาจกำลังมีปัญหา ส่วนใหญ่สิวตรงนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่สูบบุหรี่ แพ้ควันบุหรี่ หรือเป็นหวัดเรื้อรัง ส่วนสิวที่ขึ้นตรงแก้มส่วนล่างบอกได้ถึงปัญหาสุขภาพช่องปาก คือเราอาจจะมีฟันผุ เจ็บเหงือก  
สิวที่จมูก
เกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือดและหัวใจ ฮอร์โมนแปรปรวน หรือมีประจำเดือน สิวตรงจมูกจะเตือนถึงอาการทางหัวใจ และระบบสืบพันธุ์ หากเป็นสิวสีแดงเปล่งปลั่ง อาจเป็นการเตือนโรคความดันโลหิตสูง หรือใครมีสิวอุดตัน สิวหัวดำเยอะ ๆ อาจบอกถึงผลกระทบจากฮอร์โมน ไม่ว่ากำลังมีประจำเดือน เข้าสู่วัยทอง หรือกินยาคุมกำเนิดนั่นเอง
สิวที่ปาก/ข้างริมฝีปาก 
ฮอร์โมนผิดปกติ ทานอาหารรสจัด อาหารไม่ย่อย พักผ่อนไม่เพียงพอ สิวตรงนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงรอบเดือน สิวมักจะขึ้นบริเวณนี้ สิวที่คาง ใครสิวขึ้นที่คางแสดงว่ากระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กทำงานผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่สิวตรงนี้ เกิดจากการกินอาหารรสจัดมากเกินไป
สิวที่คอและหน้าอก 
สิวที่ขึ้นบริเวณนี้มักเกิดจากความเครียด ความกังวล หมกมุ่นใจ เพราะสิวที่คอกับหน้าอกสัมพันธ์กับการทำงานของระบบสมอง หัวใจ เวลาที่สมองทำงานหนักแล้วเกิดความกดดัน กลายเป็นความเครียดก็จะทำให้หัวใจของเราทำงานหนักตามไปด้วย 


วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง

 1. การทำความสะอาดผิวหน้า

การล้างหน้าให้สะอาดหมดจด วันละ 2 ครั้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ฝุ่น คราบมันต่างๆ หรือเซบัมที่คงอยู่บนผิวหน้าอาจทำให้เกิดการติดเชื้อเเบคทีเรีย หรือเกิดเป็นสิวได้

2. การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือสกินแคร์ที่อ่อนโยนต่อผิวหน้า

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่อ่อนโยนต่อผิว หรือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมันซึ่งเป็นสาเหตุการอุดตันของผิวเป็นส่วนผสม อย่างการใช้โทนเนอร์ช่วยลดความมันบนใบหน้าและปรับสมดุลของผิว หรือเลือกเซรั่มบำรุงผิวที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนช่วยให้ผิวดูเนียนและชุ่มชื้นลดการอักเสบของผิวได้มากขึ้น 

3. การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

ครีมกันแดดจะช่วยปกป้องผิวจากอันตรายในแสงแดดที่สามารถกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นได้ ควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 30+ และเหมาะกับผิวเป็นสิวโดยเฉพาะ และสามารถควบคุมความมันส่วนเกินซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดสิว 

4. การดื่มน้ำเยอะๆ

การดื่มน้ำมีความสำคัญต่อผิวและร่างกาย ควรดื่มน้ำให้ได้ 2.2 ลิตรต่อวันหรือประมาณ 9 แก้ว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นของผิวและเซลล์ผิว ทั้งยังช่วยกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย 

5. การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

การเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ จะมีผลต่อร่างกายและผิวพรรณ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้วปริมาณที่เหมาะสม อาหารที่ควรเลือกรับประทาน เช่น ข้าวกล้องไม่ขัดสี ผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด เนื้อสัตว์และธัญพืช เป็นต้น 

6. ไม่บีบ หรือกดสิว

หลีกเลี่ยงการกดสิวหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เชื้อแบคทีเรียและอาการอักเสบของสิวแพร่กระจายไปบริเวณอื่นบนใบหน้าได้ 

7. เลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับผิว

ลดปริมาณการใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือสารเคมีอันตราย เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน 

8. รักษาความสะอาดของเครื่องสำอาง

การล้างแปรงเครื่องสำอางทุกครั้งหลังใช้ และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่หมดอายุ หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับผิว 

9. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ

ไม่ควรจับ หรือสัมผัสใบหน้าแรงๆ และไม่แกะหรือจับสิว เพราะอาจไปกระตุ้นให้สิวอักเสบ และทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง 

10. การมาส์กหน้า

มาส์กหน้าด้วยสูตรธรรมชาติ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขน อย่างการมาส์กหน้าด้วยมะเขือเทศ เพราะมะเขือเทศมีสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินสูง อาจช่วยลดการอักเสบ สิว และจุดด่างดำได้ หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและบำรุงผิวหน้ากระจ่างใสก็ใช้ได้เช่นกัน 

11. ออกกำลังกาย

ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและลดความเครียดที่อาจส่งผลต่อการเกิดสิว 

12. พักผ่อนให้เพียงพอ

เพราะผิวของเราต้องการพักผ่อน เพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวของตัวเอง การพักผ่อนอย่างเต็มที่จะช่วยปรับสมดุลร่างกายให้มีการทำงานอย่างปกติ หากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด 

13. การเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเป็นประจำ

ปัจจุบันที่สภาพอากาศเต็มไปด้วยปัญหา ฝุ่น และการระบาดโควิด – 19 ทำให้เราต้องใส่หน้ากากอนามัยทุกวัน การเปลี่ยนหน้ากากอนามัยทุกวันจึงจำเป็นเพื่อปกป้องสิ่งสกปรกและแบคทีเรียในหน้ากาก หรือหากใช้หน้ากากผ้าควรซักด้วยน้ำยาซักผ้าเด็กเพื่อป้องกันการระคายเคืองผิวไม่ให้เกิดเป็นสิวอักเสบ 

14. การใช้ยาทารักษาสิว

การใช้ยาทารักษาสิว หรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการลดสิวอุดตัน จะต้องมีฤทธิ์ที่ช่วยสลายการอุดตันในต่อมไขมันชะลอการหลั่งน้ำมันส่วนเกินได้ หรือมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออก การใช้ยาทาควรปรึกษาแพทย์ก่อนนำมาใช้ 

15. ปรึกษาแพทย์

การปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากสิวที่เกิดขึ้นกับมีอาการที่รุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่ถูกต้องของแต่ละบุคคลนั่นเอง 

สิวเป็นปัญหาหนึ่งที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตอยู่ไม่น้อย นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดเเล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจ หรือบางทีตำแหน่งที่เกิดสิว อาจกำลังบอกโรคต่างๆอยู่ก็ได้ เราไม่ควรมองข้ามปัญหาสิวๆไป ควรรีบดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อกลับมามีใบหน้าสวยใสอีกครั้ง

เข้าคลินิกรักษาสิว

kanyarat sakunkim

kanyarat sakunkim

2 comments

Andy Anderson

Andy Anderson

March 12, 2022

Mary Williams

Mary Williams

March 12, 2022

Tell us what you think!

You are replying to Mary Williams. You can post a new comment instead.