สาวๆรู้หรือไม่ หากกินยาเลื่อนประจำเดือนบ่อยๆ อันตรายกว่าที่คิด

สาวๆ หลายคนชอบกินยาเลื่อนประจำเดือนอยู่เสมอ ส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ ฮอร์โมนไม่คงที่อารมณ์แปรปรวนได้ง่าย ( menstruation )

อารมณ์แปรปรวนเวลามีประจำเดือน

สาวๆหลายคนคงกังวลใจไม่น้อย หากมีประจำเดือนช่วงที่ต้องทำกิจกรรมต่างๆ การเลื่อนประจำเดือนจึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงต้องการ เพิ่มความสะดวกคล่องตัวในการทำกิจกรรมมากขึ้น

ยาเลื่อนประจำเดือน คืออะไร

ยาเลื่อนประจำเดือน หรือ ยาเลื่อนเมนส์ เป็นฮอร์โมนกลุ่มโปรเจสเตอโรน จึงช่วยทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่หนาตัวนั้นไม่หลุดออกมาสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนประจำเดือน ต้องรู้วันที่มีประจำเดือนของตนเองที่แน่นอน เช่น ประจำเดือนมาทุกๆ วันที่ 29 และมาเป็นประจำ 2-3 วันแสดงว่าไข่ตกประมาณวันที่ 14-15 ดังนั้นหากอยากเลื่อนประจำเดือนออกไปก็ต้องทำให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนยังคงอยู่ โดยการบังคับธรรมชาติให้สร้างฮอร์โมนมาในช่วงกลางรอบเดือน ซึ่งทำได้ด้วยการกินฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเข้าไป ตามจำนวนวันที่ต้องการเลื่อน จากนั้นจึงค่อยหยุดกินยา ซึ่งทันทีที่หยุดยา เยื่อบุโพรงมดลูกก็จะหลุดออกมาเป็นประจำเดือน  

วิธีใช้ยาเลื่อนประจำเดือน

ด้วยธรรมชาติของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์  ก่อนประจำเดือนจะมา ดังนั้นวิธีดีที่สุดต้องเริ่มกินยาก่อนวันที่คาดว่ามีประจำเดือน ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนให้ทัน หากกินยาเพื่อเลื่อนในวันที่มีประจำเดือนแล้วหรือก่อนมีประจำเดือนเพียง 2-3 วัน อาจจะไม่ได้ผลเนื่องจากธรรมชาติรู้ว่าไม่มีการฝังตัวอ่อนร่างกายจึงเริ่มกระบวนการสร้างประจำเดือนไปตามปกติ โดยการกินยาต้องกินทุกวันจนกว่าต้องการให้มีประจำเดือนอีกครั้งจึงหยุดกินยา

ยาเลื่อนประจําเดือน ผลข้างเคียงมีไหม ?

การกินยาเลื่อนประจำเดือนเป็นวิธีที่ปลอดภัยก็จริง แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยครั้ง หรือใช้ติดต่อกันนานเกิน 10-14 วัน อาจได้รับผลข้างเคียงบางประการ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มีอาการซึมเศร้า ท้องอืด แน่นท้อง เจ็บคัดเต้านม ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย รอบเดือนแปรปรวน มาไม่สม่ำเสมอ โอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้น เพราะการกินยาเลื่อนประจำเดือนเพื่อการคุมกำเนิดเป็นเวลานาน

ปวดท้องน้อยในช่วงมีประจำเดือน

ยาเลื่อนประจำเดือน ข้อยกเว้นที่ต้องรู้

ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ 

โดยเฉพาะคนที่มีอายุครรภ์ 1 เดือนครึ่งเป็นต้นไป การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลให้โครโมโซมของทารกในครรภ์ผิดปกติ เนื่องจากฤทธิ์ยาจะไปขัดขวางพัฒนาการของอวัยวะเพศภายนอก และยังนำไปสู่ความพิการ หรือแท้งได้ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร 

เนื่องจากยาสามารถปนออกมากับน้ำนมของแม่ จึงอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อลูกได้ และจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ที่เป็นแม่ โดยมีอาการเจ็บคัดเต้านม เต้านมโตผิดปกติ 

มีประวัติ หรือมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน 

เนื่องจากการใช้ยาในกลุ่มคนเหล่านี้ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตัน ตัวอย่างผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สูบบุหรี่ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น 

มีประวัติ หรือกำลังเป็นโรคตับขั้นรุนแรง 

เช่น ตับอักเสบ เนื่องจากยาถูกกำจัดที่ตับ หากตับทำงานไม่ดีอาจทำให้ยาสะสมในร่างกายได้

รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อย อันตรายไหม ?

การที่รับประทานยาเลื่อนประจำเดือนบ่อย ๆ จะทำให้รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนมาถี่แต่มาแบบกะปริบกะปรอย หรือบางรายประจำเดือนอาจไม่มาเลย ยิ่งใช้ยานานหรือบ่อยมากเกินไป จะทำให้รอบเดือนเกินความสับสน ต้องใช้เวลาในการปรับให้ฮอร์โมนกลับมาปกติ และอาจมีอาการข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือบางรายอาจมีการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนบ่อย ๆ จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเราเปลี่ยนไป ดังนั้นจึงควรใช้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น กรณีที่ต้องรับประทานยา นอร์อิทิสเตอโรน สำหรับการรักษาความผิดปกติของรอบเดือน หรือภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ควรไปพบแพทย์ตามนัด และติดตามอาการตลอดเวลา ไม่ควรใช้ยาเอง เพิ่ม-ลดปริมาณยาที่ใช้ หรือหยุดยาเอง

เนื้อหานี้เหมาะสมกับหมวดหมู่ สุขภาพ 

kanyarat sakunkim

kanyarat sakunkim

2 comments

Andy Anderson

Andy Anderson

March 12, 2022

Mary Williams

Mary Williams

March 12, 2022

Tell us what you think!

You are replying to Mary Williams. You can post a new comment instead.