เปียกฝนไม่สระผมได้ไหม

ช่วงนี้ฝนตกทุกวัน ถ้าโดนฝนแล้วไม่สระผมจะเป็นไรไหม นอกจากไม่สบายเเล้วยังมีสิ่งสกปรกจากเม็ดฝนหรือไม่ ( Wet from the rain )

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาตากฝน หรือโดนละอองฝนแล้วต้องไม่สบาย หรือเปียกฝนแล้ว ให้รีบอาบน้ำสระผม บางคนอาจไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง ว่าการสระผมหลังจากโดนฝนจำเป็นขนาดไหน

รู้หรือไม่ว่าในน้ำฝนมีอะไรเจือปนอยู่บ้าง

ในน้ำฝนรวมถึงละอองฝนนั้นมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มากับอากาศเจือปนอยู่ และแพร่กระจายเร็วมากในหน้าฝน มีเป็นร้อยชนิดที่ลอยอยู่ในอากาศ และเมื่อฝนใกล้ตก ลมจะพัดกรรโชกแรง ไวรัสและแบคทีเรียเหล่านี้ก็จะเคลื่อนไหวเร็วขึ้นในลักษณะปลิวลอยอยู่ในอากาศ ร่างกายเราก็มีโอกาสรับไวรัสและแบคทีเรียพวกนี้ได้มากขึ้นโดยไม่รู้ตัว และเมื่อมาสัมผัสที่หัวและร่างกายของเราจะทำให้เชื้อไวรัสเล็ดลอดเข้าไปอยู่ในร่างกายได้ง่าย เนื่องจากอุณหภูมิในร่างกายลดลงก็ยิ่งเหมาะกับการแบ่งตัวของไวรัส การอาบน้ำสระผมหลังโดนฝน จึงเป็นเรื่องจำเป็น เพราะนอกจากจะช่วยทำความสะอาดขจัดไวรัสที่เกาะอยู่บนตัวเราแล้ว ยังช่วยปรับอุณหภูมิของร่างกายให้เป็นปกติ หลังสระผมแล้วก็เป่าให้แห้งสนิท เพราะหากปล่อยผมเปียกชื้นนานๆ ก็จะทำให้เป็นหวัดได้อีกด้วย 

7 วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝน เปียกยังไงไม่ให้ป่วย! วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝน ข้อที่ 1 รีบถอดเสื้อผ้าที่เปียกฝนออก

ขั้นตอนแรกหลังจากโดนฝนเลยก็คือรีบถอดเสื้อผ้าไปซักหรืออาจจะเอาไปผึ่งให้แห้งก่อนนั่นเอง วิธีการนี้ดูเป็นอะไรที่เบสิคมาก ๆ ใคร ๆ ก็ทำแต่ว่ามีหลายคนเลยที่เปียกฝนแล้วไม่ยอมรีบเปลี่ยนเสื้อหรือถอดเสื้อออก การทำแบบนี้อาจจะทำให้เราเป็นโรคปอดบวม เป็นไข้ เป็นหวัดหรืออาจจะเป็นโรคเกี่ยวกับผิวหนังได้ เนื่องจากน้ำฝนที่ตกลงมาต้องโดนอากาศ มลภาวะในอากาศแล้วมาหยดลงบนตัวเรา การที่เรายังใส่เสื้อพวกนี้ไม่ยอมรีบถอด ก็อาจจะทำให้เชื้อโรค แบคทีเรียมันเล่นงานให้ป่วยได้นะรู้แบบนี้แล้วใครสะดวกซักก็ซักเลย แต่ถ้าใครยังไม่สะดวกก็ผึ่งให้แห้งหน่อยแล้วตอนที่ว่างก็ค่อยมาซัก อย่าเอาผ้าเปียกไปกอง ๆ รวมกัน ไม่งั้นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราจะถามหาเเน่นอน

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 2 รีบอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย 

หลังจากถอดเสื้อผ้าออกแล้วเราก็ต้องไปอาบน้ำต่อเลยค่ะ สิ่งนี้ก็สำคัญมาก ๆ นะคะ อย่างที่บอกไปว่าฝนที่ตกลงมามันไม่ได้สะอาด อาจจะเก็บเอาพวกมลภาวะ เชื้อโรคต่าง ๆ แล้วมาหยดลงบนผิวเรา แม้ว่าจะไม่โดนฝนตรง ๆ เพราะมีเสื้อผ้าคอยซับน้ำไว้แต่มันก็โดนผิวเราอยู่ดี ไหนจะจุดซ่อนเร้นที่อาจจะอับชื้นหรืออาจจะได้รับเชื้อโรคจนติดเชื้อได้ด้วย ดังนั้นเราจะต้องอาบน้ำด้วยการใช้สบู่ในการทำความสะอาดผิว เลือกสูตรที่เหมาะกับผิวและการใช้งานได้เลย ส่วนจุดซ่อนเร้นใช้น้ำสะอาดล้างก็พอเเล้ว

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 3 สระผมให้สะอาดแม้โดนแค่ละอองฝน 

นอกจากอาบน้ำถูสบู่ให้ผิวสะอาด อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ก็คือการสระผมแม้ว่าบางคนอาจจะใส่เสื้อกันฝนหรือกางร่มแล้ว แต่ละอองฝนก็ยังมีกระเด็นหรือมีมาโดนผมแน่ ๆ เป็นแบบนี้ก็ต้องสระผมนะคะ เหตุผลเหมือนเดิมเลยค่ะ ฝนไม่ได้สะอาดถ้าไม่ทำความสะอาดมันก็จะติดอยู่บนนั้นไปเรื่อย ๆ แล้วอาจจะทำให้เราได้รับเชื้อโรคทางใดทางหนึ่งได้ด้วย ยิ่งคนที่โดนฝนตรง ๆ แบบหัวเปียกเป็นลูกหมาแล้วต้องสระผมเลยนะคะ เพราะนอกจากฝนจะไม่สะอาดทำให้เราป่วยได้แล้ว ยังมีเรื่องของอุณหภูมิร่างกายกับเม็ดฝนด้วย อย่างที่รู้ว่าฝนตกจะค่อนข้างเย็นถ้าตกลงบนหัวเราที่มีอุณหภูมิร่างกายอุ่น ๆ แล้วทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจจะทำให้เป็นไข้หรือเป็นหวัดได้ดังนั้นรีบสระผมแล้วก็อย่าลืมรีบเป่าผมให้แห้งด้วยนะ

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 4 ใส่เสื้อผ้าอุ่น ๆ หรือทำร่างกายให้อบอุ่นเข้าไว้

อาบน้ำ สระผม เป่าผมให้แห้งแล้วก็หาเสื้อผ้าอุ่น ๆ ใส่ด้วยนะ อากาศช่วงหน้าฝนมักจะเย็นสบาย ถ้าไม่ทำให้ร่างกายของเราอบอุ่นมากขึ้นก็อาจจะทำให้เราป่วยได้เหมือนกันและ... ถ้าฝนตกหนักจนอากาศหนาวไม่ไหวแล้วอยากให้บ้านอุ่นขึ้น เราแนะนำให้เปิดแอร์เลย หลายคนอาจจะสงสัยว่ามันช่วยอะไร  แอร์คือเครื่องปรับอากาศ ประเทศไทยบ้านเราจะชินกับการปรับให้มันอากาศเย็นแต่จริง ๆ เรามันสามารถปรับให้อุณหภูมิอุ่นขึ้นได้ ด้วยการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิสูง ๆ อาจจะเปิดสัก 27-28 องศาเซลเซียสประมาณนั้นนะคะ หรือถ้าใครไมอยากเปลืองไฟก็แนะนำว่าใส่ถุงเท้า เสื้อแขนยาว เสื้อกันหนาว กางเกงขายาวแล้วห่มผ้าหนา ๆ อันนี้ก็ช่วยได้เหมือนกัน 

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 5 ถ้ายังไม่มีอาการป่วย "ห้าม" กินยาดัก! 

มาถึงข้อที่เชื่อว่าหลายคนเคยทำ ก็คือ " การกินยาดัก " ใครไม่เคยถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะ แต่ถ้าใครเคยขอให้รู้ไว้เลยว่าเป็นความเข้าใจผิดสุด ๆ  คือการกินยาพารา ยาแก้แพ้อากาศเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นไข้ ไม่ให้เป็นหวัดมันไม่สามารถทำได้ คือยามันจะไปช่วยบรรเทาอาการที่เราเป็นให้ดีขึ้น ถ้าเราไม่ได้เป็นอะไร ยามันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเช่นกัน ดังนั้นถ้าตากฝนหรือโดนฝนมาแล้วร่างกายไม่มีอะไรผิดแปลกไป ไม่ตัวร้อน ไม่ปวดหัว ไม่จาม ไม่ไอ ไม่เจ็บคอก็ไม่ต้องกินยา ไว้ป่วยค่อยกินจะดีที่สุด

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 6 นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่ายาก็คือการพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าร่างกายเราถ้านอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียและอาจจะทำให้ป่วยได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้าเรารู้ตัวว่าเราโดนฝนมาก็ให้รีบนอนหรือเช็คเวลาเพื่อทำการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 - 10 ชั่วโมง ใครนอนอิ่มแค่ไหนก็ตั้งไว้ตามนั้นเลย ถ้าเรานอนพอสมองเราก็จะปลอดโปร่ง ความจำดี ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ ด้วย รู้แบบนี้แล้วทุกคนก็พยายามอย่านอนดึกถ้าไม่จำเป็นนะ

วิธีดูแลตัวเองหลังโดนฝนข้อที่ 7 รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ

ข้อสุดท้ายที่สำคัญมาก ๆ  นั่นก็คือการทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอนั่นเอง สุขภาพเราจะแข็งแรงพร้อมสู้กับอากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อนตับแตก เดี๋ยวเย็นเพราะฝนตกหนักได้ ก็ต้องมีสุขภาพดีจากข้างในก่อน การทานอาหารที่มีประโยชน์ก็คือการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่  มีผักและผลไม้ทานเสริมเข้าไป แล้วก็อย่าลืมดื่มน้ำให้ครบ 8 แก้ว ในแต่ละวัน เพราะมันจะช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น สดชื่น ผิวชุ่มชื้น ขับถ่ายได้ดีอีกต่างหาก

ทำไม "ฝน" ถึงทำให้บางคนเป็นหวัด

โรคไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งลำพังเพียง "น้ำฝน" ไม่สามารถทำให้เป็นหวัดได้ เพียงแต่ในเวลาที่ฝนตก จะมีทั้งลมทั้งฝนที่อาจพัดพาเชื้อไวรัสมาในอากาศ คุณอาจเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อไวรัสในอากาศจากที่โล่งแจ้งนั่นเอง และเวลาที่ฝนตกทำให้อุณหภูมิในตัวเราลดลงจากลมฝน หรือ การที่ศีรษะเปียกฝน หรือ เสื้อผ้าและรองเท้าเปียกอับชื้นอยู่เป็นเวลานาน จึงทำให้เราเป็นหวัดได้ ซึ่งในที่ที่อุณหภูมิที่ต่ำนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้ไวรัสบางสายพันธุ์เจริญเติบโตได้ดี ทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น โดยเฉพาะในบางคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำ ก็จะยิ่งทำให้ป่วยได้ง่ายกว่าปกติ 

ช่วงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ การดูแลตัวเองให้ห่างจากโรคไข้หวัดเป็นสิ่งที่สำคัญ เมื่อฝนตกควรหาที่ร่มหลบลมและฝน หลีกเลี่ยงการตากฝน แต่หากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ เมื่อกลับถึงบ้าน ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำเช็ดตัวให้แห้ง และอย่าลืมการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เริ่มจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและยังทำให้ฟื้นฟูจากอาการไข้หวัดได้เร็วขึ้นอีกด้วย

เนื้อหานี้เหมาะสมกับหมวดหมู่  สุขภาพ