เคล็ดลับขับรถให้ประหยัดน้ำมัน ช่วยเซฟเงินในยุคน้ำมันเเพง

เป็นยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี อะไรๆขึ้นราคาไปหมด โดยเฉพาะน้ำมันรถที่พุ่งสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้ผู้ใช้รถทุกคนต้องวางแผน การเดินทาง และหาวิธีเซฟค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น (car oil )

ตรวจเช็คน้ำมันเครื่องเป็นประจำ

ราคาน้ำมันยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายคนเก็บเงินไม่อยู่ เรามีเทคนิคขับรถให้ประหยัดน้ำมัน นอกจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเป็นการถนอมรถยนต์ไปในตัว

เทคนิคการขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

ตรวจเช็คลมยางอยู่เสมอ 

ลมยางเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้นได้ คุณควรที่จะตรวจเช็กลมยางอยู่เป็นประจำ อย่างน้อยที่สุดก็ควรที่จะตรวจเช็ก และเติมลมให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมอย่างน้อยก็เดือนละ 1 ครั้ง แต่ก็ต้องระมัดระวังในการเติมลมด้วย ไม่ควรที่จะเติมมากเกินไปเพราะอาจทำให้ยางระเบิดได้ง่าย แต่ก็ไม่ควรที่จะอ่อนเกินไปเพราะจะทำให้กินน้ำมัน ดังนั้นคุณแค่เติมลมยางตามคำแนะนำในคู่มือ 

หลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด 

มีหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าการเดินทางช่วงรถติด จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าการขับรถด้วยความเร็วสูงเสียอีก จนเกิดเป็นคำถามที่ว่า “ทำไมน้ำมันหมดเร็ว ทั้งที่ไม่ได้ไปไหนเลย” เหตุก็เกิดจากการที่ขับรถไปในเส้นทางที่มีรถติดเป็นประจำ ดังนั้นถ้าหากหลีกเลี่ยงได้ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยง ถ้าหากว่าเป็นเส้นที่จำเป็นต้องไปเป็นประจำ ก็ให้ลองหาเส้นทางสายอื่นดูบ้าง หรือจะใช้วิธีง่าย ๆ เช่น การเช็ก google map เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทาง หรือว่าช่วงเวลาที่มีรถติดมาก 

ขับขี่ด้วยความเร็วให้เหมาะสม และสม่ำเสมอ

หลายคนมักมีความเข้าใจว่า ยิ่งขับรถช้าเท่าไหร่ก็จะยิ่งประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การขับขี่ที่ช้าเกินไปก็ไม่ได้ช่วยทำให้ประหยัดน้ำมันเยอะขึ้น ตามปกติแล้ว รถยนต์โดยทั่วไปมีประสิทธิการเผาผลาญเชื้อเพลิงที่ความเร็วคงที่ที่ประมาณ 80-90 กิโลโมตร/ชั่วโมง ร่วมกับการขับขี่โดยใช้เกียร์ที่เหมาะสมไปตลอดเส้นทาง จะช่วยให้ลดอัตราการใช้เชื้อเพลิง และประหยัดน้ำมันได้และที่สำคัญยังช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ของคุณได้ด้วย

ตรวจเช็กรถยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมขับ

สำหรับผู้ที่ใช้งานรถยนต์ การหมั่นตรวจเช็กเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพพร้อมขับอยู่เสมอ เปลี่ยนอะไหล่ต่างๆ ตามอายุการใช้งานที่กำหนด ก็จะช่วยให้รถยนต์อยู่ในสภาพที่พร้อมขับขี่อยู่ตลอดเวลา ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการเสื่อม หรือเสียของอะไหล่ต่างๆ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว และการหมั่นเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมขับขี่อยู่เสมอนั้น ก็ยังช่วยยืดอายุการใช้เครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น ในช่วงที่น้ำมันแพงนี้ การตรวจเช็กสภาพรถให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอก็จะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย 

ตรวจเช็กลมยาง

ให้ยางรถยนต์อยู่ระดับที่เหมาะสมกับการขับขี่ ไม่ควรเติมลมยางจนแข็งมากเกิด ก็อาจเสี่ยงต่อการระเบิด และยึดเกาะถนนได้น้อย เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ แต่การะที่ปล่อยให้ลมยางอ่อนเกินไปก็จะทำให้เกิดการเสียดทานระหว่างตัวยางกับพื้นถนนเพิ่มขึ้น และทำให้เครื่องยนต์รับหน้าที่ในการหมุนล้อเกินความจำเป็น และทำให้เกิดการเผาผลาญที่มากขึ้นนั่นเอง ถ้ามีการตรวจเช็กลมยางให้อยู่ในสภาพดีก็จะสามารถช่วยประหยัดน้ำมันลดลงได้

ตรวจเช็กระบบระบายความร้อน

เช็กระบบระบายความร้อนของตัวรถ และรอบเครื่องเดินเบา ให้อยู่สภาพปกติ ถ้าหากเกิดความผิดปกติก็จะเป็นสาเหตุให้รถยนต์เกิดการเผาผลาญน้ำมันที่มากเกินไปเช่นกัน

ปรับตั้งจุดระเบิด

หมั่นเช็ก และปรับตั้งจุดระเบิดให้ถูกต้องอยู่เสมอ หัวเทียนอยู่ในสภาพที่ดี ไม่เสื่อม ไส้กรองอากาศไม่ตัน จะช่วยให้รถยนต์เกิดการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ

เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดช่วยประหยัดน้ำมัน

น้ำมันเครื่องโดยปกติแล้วควรเปลี่ยนทุกประมาณ 6 เดือน ถึงแม้ว่ารถยนต์ของคุณอาจไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ แต่การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็น รถยนต์ที่ไม่สตาร์ทมาเป็นเวลานาน อาจทำให้เครื่องยนต์เกิดสนิม การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องไม่จำเป็นจะต้องรถจนครบตามรอบระยะทาง หรือระยะเวลา ถ้าหากพบความผิดปกติ เช่น น้ำมันมีสีที่ผิดปกติ หรือมีปริมาณที่ลดลง ก็สามารถนำรถไปตรวจสอบ และเปลี่ยนน้ำมันเครื่องได้ เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา

เช็คสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ

ปรับอุณหภูมิเเอร์ให้เหมาะสม ไม่เปิดเย็นจนเกินไป

ตั้งปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ในรถยนต์ให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม โดยประมาณที่ 23-25 องศาเซลเซียส
ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อน เมื่อขึ้นรถมาก็หวังที่จะอยู่ในที่ที่เย็นสภาพ แต่การปรับอุณหภูมิให้เย็นจนเกินไป หรือเร่งให้เย็นเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการเปิดเครื่องปรับอากาศในทันทีที่ทำการสตาร์ทรถ ก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ และเครื่องยนต์ทำงานหนัก ทำให้เปลืองน้ำมัน

ไม่บรรทุกของที่น้ำหนักมากเกินไป

การที่รถยนต์ของคุณสำหรับบรรทุกสิ่งของได้เยอะ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องบรรทุกสิ่งของให้ได้เยอะตลอดเวลา  เมื่อรถยนต์มีการบรรทุกสิ่งของ และรวมไปถึงผู้โดยสารที่มากขึ้น ก็จะยิ่งทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้พลังงานในการขับเคลื่อนมากขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วตามที่ต้องการ การเก็บสัมภาระเท่าที่จำเป็นไว้ในรถ และไม่บรรทุกสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเกินไปก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้ 

จอดรถ ต้องดับเครื่อง กับหาที่จอดในร่ม

เวลาที่คุณจอดรถไว้เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่กี่นาที หรือว่าเป็นเวลานาน แนะนำว่าควรดับเครื่องยนต์ เพราะถึงแม้คุณจะจอดรถทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้ขับไปไหน ก็ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันได้เหมือนกัน และอย่าจอดรถตากแดดโดยไม่จำเป็น ทางที่ดีควรจอดรถในที่มีร่มเงาดีกว่า เมื่อช่วงสตาร์ทรถ เครื่องปรับอากาศจะได้ไม่ทำงานหนักเกินไปช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

หมั่นตรวจเช็คสภาพรถ

เมื่อถึงเวลาครบกำหนดที่คุณต้องนำรถเข้าไปตรวจเช็คสภาพ ซึ่งการตรวจสภาพเครื่องยนต์ และอุปกรณ์ต่างๆ นอกจากจะช่วยทำให้รถยนต์ของคุณพร้อมในการขับขี่ ยังช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ด้วย

รับมืออย่างไร...ในวันที่น้ำมันแพง

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยการหันมาใช้พลังงานทางเลือก อาจช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลงได้ และยังได้ช่วยรักสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น

  •  ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถแท็กซี่ หรือรถไฟฟ้า
  •  ตรวจเช็กสภาพรถยนต์ ลมยาง ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
  •  ทางเดียวกันไปด้วยกัน แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัย ลดความเสี่ยงโควิด
  •  ปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์ ลดการใช้พลังงาน ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม
  •  เดินเท้าหรือขึ้นบันไดในระยะทางสั้นๆ ประหยัดพลังงาน ได้ออกกำลังกาย และสร้างสุขภาพที่ดี

 มีหลากหลายวิธีที่ช่วยให้คุณประหยัดน้ำมันได้เเบบง่ายๆ ช่วยให้คุณเซฟเงินในกระเป๋า มีเงินเก็บไว้ใช้ในเรื่องอื่นๆอีกได้ เพียงเเค่คุณลองทำตามวิธีดังกล่าวดู กับเศรษฐกิจในยุคนี้ อะไรที่ประหยัดได้ก็ต้องประหยัดกันนะ

 เนื้อหานี้เหมาะสมกับหมวดหมู่ รถยนต์

ดูเเลรักษารถเเละตรวจเช็ครถเป็นประจำ

kanyarat sakunkim

kanyarat sakunkim

2 comments

Andy Anderson

Andy Anderson

March 12, 2022

Mary Williams

Mary Williams

March 12, 2022

Tell us what you think!

You are replying to Mary Williams. You can post a new comment instead.

บทความที่เกี่ยวข้อง