นอนกรนเป็นอาการที่พบได้บ่อยมาก เเละเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ( Snoring )
การนอนกรนนอกจากสร้างความรำคาญให้คนที่นอนด้วยเเล้ว ยังมีความสัมพันธ์กับการเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นภาวะผิดปกติของการหายใจ เป็นปัญหาทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์
อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับเกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่
- น้ำหนักเกิน พบว่าผู้ที่มีน้ำหนักมากจะมีระบบทางเดินหายใจส่วนบนแคบกว่าผู้ที่มีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปกติ
- มีอาการของโรคภูมิแพ้บริเวณจมูก
- มีสันจมูกเบี้ยวหรือคด รูปหน้าหรือคางผิดปกติ เช่น คางเล็ก คางหลุบ
- ต่อมทอนซิลโตขวางทางเดินหายใจ
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่เป็นประจำ
- การรับประทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง เช่น ยาแก้แพ้ ยานอนหลับ ยาคลายเครียด
- ผู้ชายมีโอกาสนอนกรนมากกว่าผู้หญิง 6-10 เท่า
- ผู้หญิงจะมีอาการนอนกรนเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าวัยหมดประจำเดือน
อาการนอนกรน
- กรนเสียงดังมากจนรบกวนการนอนของผู้อื่น
- กรนสลับกับหยุดหายใจเป็นช่วงๆ จนเกิดภาวะขาดออกซิเจน
- กรนแล้วสะดุ้งเฮือกเพื่อหาอากาศหายใจ โดยที่ผู้นอนกรนอาจจะไม่ตื่นรู้สึกตัวเลย
ส่วนอาการร่วมอื่นๆ ได้แก่ ปัสสาวะกลางคืนบ่อยครั้ง รู้สึกไม่สดชื่นในตอนเช้าและพบว่ามีอาการวิงเวียน ปวดศีรษะ ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน หากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการการนอนและหาแนวทางในการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
นอนกรนเกิดจากอะไร
อาการนอนกรนเกิดจาก การที่ช่องทางเดินหายใจส่วนต้นของเรา เกิดการตีบแคบลง ทำให้ลมหายใจที่ผ่านเข้ามาผ่านช่องที่แคบนี้ เกิดการกระพือและกลายเป็นเสียงกรนขึ้น
โดยปกติตามธรรมชาติ คนเราเมื่อนอนหลับ กล้ามเนื้อต่างๆ จะมีการหย่อนตัวหรือคลายตัวลง ซึ่งอวัยวะในช่องทางเดินหายใจของเรา เช่น เพดานอ่อน หรือโคนลิ้น ก็จะหย่อนลงมาทำให้ทางเดินหายใจตีบแคบลงได้ โดยเฉพาะเวลาที่เรานอนหงาย“การนอนกรน” เป็นเรื่องน่าขำและน่าอาย ขอบอกเลยว่า จริงๆ แล้วการนอนกรนไม่ใช่เรื่องตลกอย่างที่คิด แต่กลับเป็นภาวะอาการที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย หรือจะเรียกว่า เป็นสัญญาณเตือนถึง โรคร้ายก็ได้นะ
โรคหัวใจ
เพราะการนอนกรนนั้นเกิดจากทางเดินหายใจตีบแคบลง ทำให้ออกซิเจนไม่เพียงพอ..แต่ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์กลับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดคราบพลัคภายในหลอดเลือด ซึ่งจากผลการวิจัยมหาวิทยาลัยในประเทศฮังการีพบว่า…ผู้ที่มีอาการนอนกรนเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจสูงถึง 34% เลยทีเดียว
โรคสมองเสื่อม
การที่เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ไม่เพียงพอ คุณภาพการนอนหลับจึงไม่ได้ประสิทธิภาพที่ดี หลังตื่นนอนจึงมักรู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม สมองตื้อ ขี้หลงขี้ลืม และหากสะสมภาวะการนอนกรนนี้ไปนานๆ จะส่งผลให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น เสี่ยงต่อการเกิด “โรคอัลไซเมอร์” ในอนาคต
โรคมะเร็ง
การนอนกรนกับโรคมะเร็ง..อาจอยู่เหนือการคาดเดาของใครหลายคน แต่จริงๆ แล้วสองสิ่งนี้มีความเชื่อมโยงกัน เพราะจากการที่ร่างกายขาดออกซิเจนนี่แหละ ทำให้มีการกระตุ้นเนื้องอกให้เจริญเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงต่อการเกิดเลือดคั่งบริเวณเนื้องอกซึ่งหากมีการคั่งของเลือดปริมาณมาก ๆ เซลล์ดังกล่าวก็จะกลายเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด
อัมพฤกษ์ อัมพาต
อย่างที่บอกไปแล้วว่า..การนอนกรนมีผลทำให้เกิด “คราบพลัค” สะสมภายในหลอดเลือด ซึ่งไม่เพียงหลอดเลือดหัวใจ แต่ยังเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือดสมองด้วยเหมือนกัน ซึ่งโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดสมองนี้นี่แหละ ที่ส่งผลให้ผู้ที่มีอาการนอนกรนเสี่ยงต่อภาวะอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการนอนกรนเสียงดัง อย่าชะล่าใจว่าเกิดจากร่างกายเหนื่อยล้าควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย ว่าระบบทางเดินหายใจผิดปกติหรือไม่ ค้นหาสาเหตุการนอนกรนที่แท้จริง ก่อนที่โรคร้ายจะกัดกินสุขภาพจนยากต่อการรักษารีบรักษาตั้งเเต่เนิ่นๆโอกาสที่จะหายเป็นปกติก็มีสูง
เนื้อหานี้เหมาะสมกับหมวดหมู่ สุขภาพ
2 comments
Andy Anderson
March 12, 2022
This is some additional paragraph placeholder content. It has been written to fill the available space and show how a longer snippet of text affects the surrounding content. We'll repeat it often to keep the demonstration flowing, so be on the lookout for this exact same string of text.
Mary Williams
March 12, 2022
This is some additional paragraph placeholder content. It has been written to fill the available space and show how a longer snippet of text affects the surrounding content. We'll repeat it often to keep the demonstration flowing, so be on the lookout for this exact same string of text.