ควรล้างรถบ่อยเเค่ไหน ถึงจะเรียกว่าดูแล

รถที่เราใช้งานอยู่เป็นประจำทุกวันนั้นมีความสกปรกสะสมอยู่เเล้ว การล้างรถจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ ( car wash )

นอกจากใช้งานรถเเล้วเราต้องดูเเลรถให้ดีอยู่ตลอดด้วย ควรล้างรถบ่อยแค่ไหนถึงจะดี เพราะการล้างรถเป็นวิธีดูแลรถที่ง่ายที่สุดสามารถทำได้ด้วยตัวเองตามความสะดวกของเรา

หลายคนก็ยังเชื่อว่าการล้างรถด้วยตัวเองก็สะอาดเหมือนกัน แถมยังประหยัดค่าใช่จ่ายมากกว่า เเละทำได้เองง่ายๆ ไม่เห็นจะต้องไปคาร์เเคร์ แต่บางทีใครจะรู้การใช้บริการร้านล้างรถ อาจจะสะดวกสบายกว่าก็เป็นไปได้ บางครั้งการใช้บริการร้านล้างรถมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด แม้ว่าจะเสียเงิน แต่ว่าก็ได้อะไรดีๆ กลับมากมายเเบบที่คุณไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน

ล้างรถบ่อยๆ ดีไหม ดูแลรักษาความสะอาดให้ใหม่อยู่ตลอดเวลาดีหรือเปล่า รถยนต์ นอกจากการบำรุงดูแลรักษาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจเช็กระบบเบรกหรือการทำงานในส่วนต่าง ๆ ตามระยะทางแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนรักรถ หรือคนที่มีรถยนต์ไว้ใช้งานควรทำนั่นก็คือ ล้างรถ การเช็ดล้างทำความสะอาดรถยนต์จากสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง คราบน้ำ คราบดิน โคลน ที่เปรอะเปื้อนจากการใช้งาน ช่วยให้รถยนต์ดูใหม่ สะอาด เงางามเหมือนรถใหม่อยู่เสมอ 

ล้างรถบ่อยสีจะซีดจริงหรือไม่?

ไม่เกี่ยวกันเลย เพราะการล้างรถนั้นเป็นการรักษาสีรถด้วยซ้ำ เพราะสีรถนั้นอยู่ใต้ชั้นสารเคลือบ (แลกเกอร์) แต่การล้างนั้นก็ต้องล้างให้ถูกวิธี ไม่เช่นนั้นก็อาจทำให้เกิดรอยขีดข่วงนี่รถได้เช่นกัน

ล้างรถบ่อย เสี่ยงเป็นสนิมจริงหรือไม่?

ทั้งจริงและไม่จริง ในรายที่ล้างรถแต่ไม่เช็ดให้สะอาด จอดรถทิ้งไว้กับความชื้น อันนี้มีสิทธิเกิดสนิมแน่นอน แต่ถ้าใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง หรือใช้ Blower เป่าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องสนิมจะถามหา

วิธีการล้างรถให้สะอาด

ใช้น้ำยาทำความสะอาด การล้างรถด้วยน้ำเปล่าอย่างเดียวก็สามารถทำให้สะอาดได้ แต่มันมักจะไม่สามารถกำจัดคราบออกได้อย่างหมดจดโดยเฉพาะคราบฝุ่นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ฉะนั้นจำเป็นต้องอาศัยน้ำยาล้างรถ ซึ่งปัจจุบันมี 2 แบบที่นิยมใช้กัน ได้แก่ แชมพูและโฟม

แชมพู  แชมพูล้างรถไม่ต่างจากแชมพูสระผมนัก ซึ่งสามารถใช้แชมพูสระผมแทนแชมพูล้างรถได้ เพียงแต่จะสิ้นเปลืองไปโดยเปล่า เนื่องจากแชมพูสระผม ประกอบด้วยสารเคมีต่างๆ ที่ใช้บำรุงเส้นผม ซึ่งไม่มีประโยชน์สำหรับรถยนต์ โดยการใช้แชมพู ใช้งานโดยการจุ่มทั้งฟอง และน้ำยาถูไปบนตัวรถเลย อย่างไรก็ตามร้านล้างรถส่วนใหญ่จะไม่ใช้แชมพูล้างรถ เนื่องจากความสามารถในการทำความสะอาดของแชมพูจะด้อยกว่าโฟม

โฟม  โฟม คือฟองที่เกิดจากการใช้หัวเชื้อน้ำยาทำความสะอาดแบบโฟม แล้วนำเอาฟองโฟมมาใช้ในการทำความสะอาดรถ ซึ่งปัจจุบันมีน้ำยาล้างรถบางยี่ห้อทำออกมาในแบบเดียวกัน สำหรับคนที่ชอบล้างรถเอง

ล้างรถด้วยน้ำยาจากบนลงล่าง (เริ่มจากหลังคา)

จุ่มฟองน้ำในถังผสมน้ำยาและค่อย ๆ ลูบทำความสะอาดตัวรถจากบนลงล่าง (เริ่มจากหลังคา) ไม่ต้องออกแรงมากนัก
เพื่อเป็นป้องกันไม่ให้รถมีรอยขีดข่วน โดยหลังจากล้างส่วนใดส่วนหนึ่งเสร็จ ให้จุ่มฟองน้ำที่ใช้แล้วลงในถังน้ำเปล่าที่เตรียมไว้ เพื่อทำความสะอาดฝุ่นและเศษสกปรกต่าง ๆ ก่อนนำไปใช้ทำความสะอาดส่วนต่ออื่น ๆ ต่อไป
ฉีดน้ำสะอาดเพื่อล้างน้ำยาออกจากตัวรถ ฉีดน้ำสะอาดล้างคราบน้ำยาและสิ่งสกปรกออกจากตัวรถ 

เช็ดรถให้แห้ง

ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์สำหรับเช็ดรถ เช็ดคราบน้ำออกจากตัวรถให้ได้มากที่สุด โดยค่อย ๆ ถูไล่ไปในทางเดียว หลีกเลี่ยงการถูไปมาหรือวนเป็นวงกลม และควรใช้ผ้าคนละผืนในการเช็ดรถแต่ละส่วน เพื่อความสะอาดและป้องกันไม่ให้เกิดคราบสกปรก

ข้อห้ามที่ไม่ควรทำในการล้างรถ

การล้างรถด้วยตนเอง แบบไม่ง้อคาร์แคร์ จะทำให้คุณประหยัดรายจ่ายก็จริง แต่ใช่ว่าการล้างรถจะทำให้ประหยัดรายจ่ายได้เสมอไป หากคุณยังทำพฤติกรรมเหล่านี้ขณะกำลังล้างรถอยู่ ว่าแต่ข้อห้ามที่ไม่ควรทำขณะล้างรถจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. ไม่ควรล้างรถกลางแดด

จอดรถกลางแดดก็ไม่ดี ล้างรถกลางแดดก็ไม่ดีเหมือนกันค่ะ เพราะจะทำให้น้ำแห้งเร็ว เช็ดไม่ทัน และทำให้เกิดคราบน้ำ
บนผิวสีรถ

2. ไม่ควรใช้ฟองน้ำล้างรถ

เพราะเม็ดทรายจะติดอยู่ในรูพรุนของฟองน้ำ เมื่อถูกับผิวสีรถ จะทำให้เกิดเป็นรอยขีดข่วน ควรใช้ผ้านุ่มล้างรถแทน

3. ห้ามใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรถแทนการล้างรถ

เพราะจะเป็นการทำลายสภาพสี โดยรอยขนแมว จะเกิดขึ้นจากผงฝุ่นต่างๆ ที่ติดบนผ้า ยิ่งเช็ดรถมากครั้ง การเกิดรอยก็ย่อมมากขึ้น ตามปริมาณการเช็ดควรล้างรถอย่างเดียว

เนื้อหานี้เหมาะสมกับหมวดหมู่ ล้างรถ

อ่านเพิ่มเติม : วิธีดูแลยางรถยนต์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ที่ทุกคนต้องรู้