ปลอกหมอนที่ใช้แล้วไม่ซักเป็นเวลานาน อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค สิ่งสกปรก และยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวและภูมิแพ้ได้ ( pillowcase )
สิ่งใกล้ตัวที่หลายคนมองข้ามไป พอถึงเตียงนอนก็หลับเลยโดยลืมคำนึงไปว่าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนที่เราใช้อยู่เป็นประจำนั้นเป็นแหล่งสะสมฝุ่น สิ่งสกปรก เชื้อโรคไว้มากมาย
ทำไมจึงต้องซักปลอกหมอน
ปลอกหมอนก็เหมือนกับผ้าปูที่นอน เราควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์ ยิ่งเป็นปลอกหมอนที่หน้าเราสัมผัสโดยตรงทุกคืน ยิ่งต้องทำความสะอาดเป็นประจำ บางคนสาเหตุของการเป็นสิวก็มาจากปลอกหมอนที่ไม่ได้ซัก หรือบางคนรู้สึกหายใจไม่ออกในเวลานอนอาจมีสาเหตุมาจากฝุ่นที่สะสมอยู่ในหมอนนั่นเอง
ปกติแล้วคนเรามักใช้เวลาอยู่บนเตียงประมาณ 8 ชั่วโมงต่อคืน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของชีวิต นั่นหมายความว่าเราใช้เวลาประมาณ 1 ใน 3 ของชีวิตไปกับหมอน และตลอดเวลานั้นหมอนมักจะสะสมทั้ง ฝุ่น เชื้อรา เหงื่อ น้ำลาย รวมถึงน้ำมันธรรมชาติจากร่างกายของคุณ
ควรซักหมอนบ่อยแค่ไหน ?
โดยทั่วไปคุณอาจต้องการซักหมอนปีละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับประเภทของหมอน ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์ที่แตกต่างกันบางประการ ดังนี้
- หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์หลายชนิดจะสะสมฝุ่นได้เร็วกว่า และสามารถใช้เครื่องซักผ้าซักทำความสะอาดได้ คุณจึงสามารถซักได้บ่อย ๆ
- หมอนอื่น ๆ เช่น หมอนเจลหรือหมอนเมมโมรี่โฟม อาจต้องซักน้อยกว่าหรือทำความสะอาดเฉพาะจุดเท่านั้น
ผลทดสอบชี้ ปลอกหมอนที่ไม่ได้ซัก มีแบคทีเรียสะสมยิ่งกว่าฝารองนั่งโถส้วมถึง 17,000 เท่า ย้ำต้องหมั่นดูแลความสะอาด แนะควรซักสัปดาห์ละครั้ง ควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและแบคทีเรีย ใน 1 วัน เราใช้เวลานอนหลับพักผ่อนอยู่บนที่นอนหลายชั่วโมง แต่รู้ไหมว่า ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ที่เราสัมผัสอยู่ทุกวันเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี เนื่องจากขณะที่เรานอนหลับ จะมีการผลัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วออกมาราวๆ 30,000-40,000 เซลล์ ซึ่งเซลล์ผิวที่ตายแล้วเหล่านี้จะหลุดร่วงอยู่บนผ้าปูที่นอน นอกจากนี้ ยังรวมถึงน้ำมัน และเหงื่อ ที่ออกมาจากร่างกายขณะนอนหลับด้วย
ผลที่จะเกิดขึ้นหากไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนทุกสัปดาห์
ไรฝุ่น
สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น มักพบในเครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์บุนวม และพรม ที่ไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ที่อาศัยอยู่ในตามใยผ้า ซึ่งจะส่งผลให้เกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ทั้งยังอาจทำให้เป็นกลาก คัน ได้อีกด้วย
เชื้อรา
เป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง ส่งผลเสียต่อระบบหายใจ การกำจัดคราบเชื้อราบนหมอนให้หมดไปนั้น เริ่มตั้งแต่การแช่หมอนลงในน้ำที่ผสมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชูอีกครึ่งถ้วยไว้สักพัก ส่วนในขั้นตอนการซักนั้นจะใช้เบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำส้มสายชู อย่างละครึ่งถ้วยตวงแทนผงซักฟอก ส่วนผสมต่าง ๆ จะเข้าไปทำความสะอาดให้คราบเชื้อราหลุดออก แต่ถ้าหากอยากให้หมอนมีกลิ่นหอมสะอาด ก็สามารถซักด้วยน้ำยาทำความสะอาดตามปกติอีกรอบ
แบคทีเรีย
สิ่งสกปรกจะถูกสะสมในปลอกหมอน และผ้าปูที่นอน แบคทีเรียที่มักอาศัยอยู่ในห้องนอน โดยเฉพาะภายในปลอกหมอน ปลอกหมอนอิง และหมอนโรงแรม ที่มีการใช้งานอยู่บ่อย ๆ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการสะสมของสิ่งสกปรกที่ติดมาตามร่างกาย เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว รวมถึงความชื้นหลังจากการอาบน้ำจะช่วยส่งเสริมให้แบคทีเรียเพิ่มจำนวนขึ้นได้ ยิ่งหากมีแบคทีเรียมากขึ้นเท่าไร โอกาสที่ผู้นอนจะรู้สึกคันและก่อให้เกิดโรคผิวหนังมากขึ้นเท่านั้น
สิว
หมอนเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย น้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ทำให้เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว การดูแลหมอนอย่างเหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเกิดสิว สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่คุณสามารถทำได้คือการซักปลอกหมอนบ่อยๆ ตามหลักการแล้ว คุณควรล้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหรือบ่อยกว่านั้นหากคุณมีผิวมันหรือมีแนวโน้มเป็นสิว นอกจากนี้ ขอแนะนำให้ใช้ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าที่ระบายอากาศได้ดีและไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น ผ้าฝ้าย เพื่อลดการระคายเคืองและช่วยให้ผิวได้หายใจ นอกจากการซักปลอกหมอนแล้ว การทำความสะอาดหมอนด้วยตนเองยังเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย คุณอาจซักด้วยเครื่องซักผ้าหรือทำความสะอาดเฉพาะจุดด้วยผงซักฟอกสูตรอ่อนก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุ ควรเปลี่ยนหมอนทุกๆ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความถี่ในการใช้งาน
วิธีการซักหมอนให้สะอาดเหมือนใหม่
ก่อนจะลงมือซักหมอนแต่ละใบควรตรวจสอบ วิธีซักหมอน ที่เหมาะสมให้ดีก่อน ว่ามีข้อจำกัดในการดูแลอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อควรระวังนั้น สามารถดูได้จากป้ายคำแนะนำนั่นเอง โดยหมอนบางชนิดก็ไม่สามารถซักได้ และหมอนบางชนิด ไม่ควรนำเข้าเครื่องอบ จึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อน
การซักด้วยเครื่องซักผ้า
หากดูที่ป้ายคำแนะนำแล้วว่าหมอนใบนี้สามารถซักเครื่องได้ ก็จัดการใส่หมอนเข้าเครื่องได้เลย ซึ่งส่วนใหญ่หมอนที่สามารถซักเครื่องได้ มักจะเป็นหมอนประเภทใยสังเคราะห์ทั่วไป โดยในการซักแต่ละครั้งควรใส่หมอนเข้าไป 2 ใบ พร้อมกับลูกเทนนิสอีก 2-3 ลูก เพื่อให้น้ำหนักสมดุลกัน และ ปั่นได้โดยไม่เสียรูปทรง จากนั้นก็สามารถตั้งอุณหภูมิ และเลือกโหมดการซักแบบปกติได้เลย แค่ในส่วนของการล้างน้ำสุดท้ายควรตั้งให้ล้างเพิ่มอีก 1 รอบ เพื่อไม่ให้คราบน้ำยาหลงเหลืออยู่ด้านใน
การซักด้วยมือ
หมอนบางประเภทอย่างหมอนโฟมนั้น อาจไม่ทนแรงปั่นจากเครื่องซักผ้าจึงควรซักด้วยมือมากกว่า แต่หากที่หมอนมีคราบเลอะเฉพาะจุด ก็สามารถใช้น้ำยาทำความสะอาดป้ายลงไป และค่อย ๆ ขัดให้คราบจางลงก่อนได้ โดยขั้นตอนการซักนั้นจะใช้น้ำอุ่น ผสมกับผงซักฟอกลงในถังซักผ้าหรือกะละมัง และนำหมอนมาแช่ไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนจะค่อย ๆ ขยำให้ทั่ว จากนั้นค่อยนำไปล้างด้วยการเปิดน้ำผ่านเรื่อย ๆ ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาพอสมควร เพราะต้องล้างจนมั่นใจว่าสะอาดเกลี้ยงแบบไม่เหลือคราบน้ำยาทิ้งไว้แล้วนั่นเอง
การดูดฝุ่น
สำหรับหมอนประเภทอื่น ๆ ที่ทำมาจากนุ่น ฟองน้ำหรือวัสดุต่าง ๆ ที่ป้ายนำแนะนำไม่ให้ซัก สามารถใช้การดูดฝุ่นได้ ซึ่งหากที่หมอนมีคราบเลอะ ให้ใช้น้ำยามาป้ายและค่อย ๆ เช็ดออกก่อนเหมือนกับวิธีการซักมือได้เลย เมื่อเช็ดคราบแล้ว จึงค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่น มาดูดทำความสะอาด และนำไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค
การนำหมอนไปตากแดด
การตากหมอนที่เปียกชุ่มอยู่นั้น ควรจัดให้หมอนวางอยู่ในแนวราบเพื่อไม่ให้หมอนเสียรูปทรง ซึ่งถ้าหากใช้ไม้แขวนหรือตาข่ายตากหมอนโดยเฉพาะ แต่ถ้าหากต้องวางในพื้นที่ปกติ สามารถใช้ผ้าขนหนูมาวางรองด้านล่าง เพื่อช่วยซับน้ำออกในช่วงแรกได้ วิธีนี้จะทำให้หมอนแห้งไวขึ้น และแน่นอนว่าไม่ควรนำหมอนเข้าไปเก็บในตู้ หรือพื้นที่ปิดช่วง 1-2 วันแรก เพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้นหากด้านในยังแห้งไม่สนิท
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน
บางคนอาจจะคิดว่าหมอนก็แค่สิ่งที่เอาไว้หนุนนอน แต่หมอนมีความสำคัญมากกว่านั้น หมอนที่ดี มีคุณภาพจะเป็นหมอนหลับสนิทสำหรับคุณ และเมื่อคุณลืมตาตื่นจะรู้สึกสดชื่น แต่หากคุณตื่นขึ้นมาแล้ว รู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว อาจจะเป็นเพราะว่าหมอนของคุณหมดอายุการใช้งานและเสื่อมคุณภาพแล้ว ซึ่งปกติแล้วอายุเฉลี่ยของหมอนอยู่ที่ 3 ปี หากคุณรู้สึกนอนหลับไม่เต็มตื่นอาจเป็นเพราะเครื่องนอนเสื่อมสภาพจึงส่งผลต่อการนอนของคุณนั่นเอง
เมื่อทำความสะอาดเครื่องนอนและตากจนแห้งสนิท ก็สามารถนำเครื่องนอนของคุณไปไว้บนเตียงได้เลย แต่หากคุณยังไม่ใช้เครื่องนอน แนะนำให้เก็บไว้ในถุงผ้าคอตตอนมากกว่าถุงพลาสติก เนื่องจากถุงผ้าคอตตอนจะช่วยรักษาความหอมสะอาดของเครื่องนอนได้ดีกว่าถุงพลาสติก แถมยังป้องกันไรฝุ่นได้ด้วย การดูแลหมอน ปลอกหมอน ที่นอนต่างๆ เพื่อป้องกันไรฝุ่นที่เกาะติดอยู่ในห้อง เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม ทางที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้ปลอกหมอนที่มีคุณสมบัติในการป้องกันไรฝุ่น แบคทีเรียและสิ่งสกปรกต่างๆ ได้ เพราะหมอนคือสิ่งที่ใกล้ใบหน้า ใกล้จมูกเราที่สุด ดังนั้น จึงควรเลือกปลอกหมอนที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดของตัวคุณเอง
อ่านเพิ่มเติม : อย่านิ่งนอนใจ ไม่ซักผ้าเช็ดตัวบ่อยๆ เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค
2 comments
Andy Anderson
March 12, 2022
This is some additional paragraph placeholder content. It has been written to fill the available space and show how a longer snippet of text affects the surrounding content. We'll repeat it often to keep the demonstration flowing, so be on the lookout for this exact same string of text.
Mary Williams
March 12, 2022
This is some additional paragraph placeholder content. It has been written to fill the available space and show how a longer snippet of text affects the surrounding content. We'll repeat it often to keep the demonstration flowing, so be on the lookout for this exact same string of text.